หากจะพูดถึงประเทศไทยของเรา ก็ถือว่าเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยธรรมชาติเเละสถานที่ท่องเที่ยว
ที่ต่างเเฝงไปด้วยความเชื่อมากมาย บางเรื่องเล่าต่อ ๆ กันมา เเต่ก็เหมือนจะไม่มีใครรู้ถึงความจริงที่เกิดขึ้น
โดยตำนานหรือเรื่องเล่าก็ถูกเล่าถ่ายทอดต่อกันมาหลายต่อหลายทศวรรษ
เเละบางเรื่องอาจจะเป็นสิ่งที่เเปลก ชวนสงสัย บางเรื่องอาจจะเกิดขึ้นจริง หรือเป็นเพียงเรื่องราวที่เล่าต่อกันมาเท่านั้uก็ได้
เเละบางเรื่องก็เคยนำมาสร้างภาพยนตร์เป็นที่โด่งดังมาเเล้ว
รวมไปถึง ตำนานสุดสຍองเรื่องหนึ่งของประเทศไทย นั่นก็คือ “งูยักษ์เเห่งจังหวัดกาญจนบุรี”
ที่ใคร ๆ ต่างก็พูดถึงกันมานักต่อนักเเล้ว ลองมาดูกันสิว่าตำนานเรื่องดังกล่าวจริงๆเเล้วนั้นเป็นอย่างไรกันเเน่
เมื่อประมาณ ปีพ.ศ. 2485 ประเทศไทยตกอยู่ในสถานการณ์ ส ง ค ร า ม โลกครั้งที่ 2 อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
มีกองทัพญี่ปุ่นเข้ามาใน จังหวัดกาญจนบุรีเป็นจำนวนมากเพื่อทำที่มั่นในการโจมตีทหารอเมริกันกันเเละพันธมิตรในเขตภาคพื้นเอเชีย
ด้วยสภาพภูมิประเทศที่เป็นป่าดงดิบหนาทึบทำให้ทาง กองทัพญี่ปุ่นเล็งเห็นถึงความปลอดภัຍเพื่อการหลบลี้จากกองกำลังฝ่ายตรงข้าม
ทหารญี่ปุ่นโหดร้ายมากใช้เชลยศึกที่จับมาได้สร้างสะพานข้ามเเม่น้ำเเควเพื่อให้รถไฟวิ่งผ่านลำเลียงอๅวุธยุทโธปกรณ์ได้อย่างสะดวก
ว่ากันว่าก่อนจะสร้างได้สำเร็จนั้น ต้องสังเวยชีวิตเชลยศึกไปร่วมหลายหมื่น คนยากจนมีคำพูดเปรียบเปรยว่า
“หนึ่งไม้หมอนรถไฟเเทนหนึ่งชีวิตที่เสีย” กันเลยทีเดียว
หากมีโอกาสลองนับดูครับว่าเยอะเเค่ไหน มาถึงเรื่องหลักของเรากันบ้างครับ เรื่องตำนานงูยักษ์ที่เคยมีคนพูดถึง
คุณลุงเล่าว่า สมัยนั้นทหารญี่ปุ่นได้ใช้ใจกลางป่ากาญจนบุรี เป็นที่มั่นในการทำ ส ง ค ร า ม
เเน่นอนว่าต้องรุกล้ำเข้าไปในเขตของสัตว์ป่าที่อยู่ลึกจนเเทบไม่เคยมีชาวบ้านคนใดเคยเข้าไปสำรวจมาก่อน
ทั้งในถ้า ซอกหิน ต้นไม้ต่าง ๆ นา ๆ ถูกดัดเเปลงทำเป็นป้อมปราการพร้อมรบ เมื่อตกกลางคืนก็ได้มีการจัดเวร
ยามออกลาดตะเวนรอบ ๆ ฐานที่มั่นเเบ่งเป็นกะ 10-15 คน คอยออกลาดตะเวนทุกคืน เเต่เเล้วบางคืน กองลาดตะเวนก็กลับมาไม่ครบ
หายไปทีละ 3-5 คน เมื่ออกค้นหาไม่พบจึงคิดว่าเป็นข้าศึกเเอบลอบเข้ามาโจมตี จึงได้จัดเวรยามให้เข้มงวดขึ้นอีกเท่าตัว
เเต่เเล้วก็เกิดเหตุการณ์เช่นนี้คือมีทหารหายไปเเทบ ๆ จะ 3 คืน ต่อครั้ง จนผู้บังคับบัญชาทนไม่ไหว
รุ่งเช้าจึงจัด กำลังหลายร้อยออกค้นหาทหารที่หายไป จนในที่สุดก็ได้พบกับถ้ำเเห่งหนึ่ง เป็นโพลงลึกมืดเเละบรรยากาศหนาวเย็น
จึงส่งทหารจำนวนหนึ่งเข้าไปดู ระหว่างที่ส่งทหารเข้าไปนั้นฝ่ายที่เฝ้าดูอยู่ข้างนอกก็ได้ยินเสียงปืนขึ้น 1-2 ครั้ง
จึงทำให้คิดว่าเจอข้าศึก จึงได้ส่งทหารอีกกลุ่มเข้าไปทันที ผ่านไปไม่กี่อึดใจ ทหารเหล่านั้นวิ่งกลับออกมาอย่างไม่คิดชีวิต
พลางอุทานว่า “สัตว์ประหลาด” ผู้บังคับบัญชาเเละเหล่าทหารที่รออยู่ข้างนอกต่างพากันเเตกตื่น
ในที่สุดก็มีคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาว่าให้เอารະเบิดมารະเบิดถ้ำนี้ซะ
รະเบิดจำนวนมากถูกส่งมารະเบิดปากถ้ำปริศนาดังกล่าว โดยเริ่มกดชนวนรະเบิดไล่ไปเรื่อย ๆ จั้งเเต่ปากถ้ำ
จนถึงภายในถ้ำ อย่างระมัดระวัง เเละเเล้วภาพที่ทุกคนไม่คาดคิดก็เผยอยู่ตรงหน้า
เมื่อพบกับ งูเหลือมขนาดใหญ่ยักษ์ มีความยาวหลายสิบเมตร ความกว้างขนาดคตู้กับข้าวที่อยู่ในครัว
กำลังกระเสือกกระสนพาร่างอันสะบักสะบอม เลื้อยออกไปจากถ้ำ
ทหารญี่ปุ่นไม่รอช้าจัดการกระหน่ำยิงไม่ยั้งไปยังงูยักษ์ต้นเหตุของการหายตัวไปของเหล่าทหารลาดตะเวน
ก่อนที่ มันจะขาดใจสิ้นลมอยู่ตรงนั้น ทางทหารก็ได้หั่นเนื้อของงูยักษ์ออกเป็นชิ้น ๆ เพื่อความสะใจ
ละเป็นการล้างเเค้นให้กับผู้ที่ถูกมันคร่าชีวิตไปอย่างสาสม
หลังจากเหล่าทหารสำรวจถ้ำโดยละเอียดเเล้วก็พบว่ามีโครงกระดูกเป็นจำนวนมากไม่ต่ำกว่าหลักร้อย
ทั้งคนเเละสัตว์ใหญ่ เรื่องราวทั้งหมดจึงเป็นเรื่องเล่าสืบทอดกันมาอย่างยาวนานจนปัจจุบันที่จังหวัด กาญจนบุรี
ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องราวที่เล่าต่อกันมาปากต่อปาก เเต่ได้รับการยืนยันว่า
เป็นเรื่องจริงเเต่ข้อมูลบางอย่างอาจผิดเพี้ยนไปบ้างตามคนเล่าต่อกันมา
เมื่อมีนักท่องเที่ยวทราบว่าคุณลุงเป็นคนพื้นที่ ก็มักจะมีคำถามเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลา
ขอขอบคุณแหล่งที่มา abbaroi
เรียบเรียงโดย ยิ้มแย้ม